วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

ไม่ควรทำมานะในมารดา บิดา พี่ชาย และในอาจารย์

ไม่ควรทำมานะในใคร ควรมีความเคารพในใคร พึงยำเกรง
                          ใคร บูชาใครด้วยดีแล้ว จึงเป็นการดี ฯ

             [๖๙๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
                          ไม่ควรทำมานะในมารดา บิดา พี่ชาย และในอาจารย์เป็น
                          ที่ ๔ พึงมีความเคารพในบุคคลเหล่านั้น พึงยำเกรงบุคคล
                          เหล่านั้น บูชาบุคคลเหล่านั้นด้วยดีแล้วจึงเป็นการดี บุคคล
                          พึงทำลายมานะเสีย ไม่ควรมีความกระด้างในพระอรหันต์ผู้
                          เย็นสนิท ผู้ทำกิจเสร็จแล้ว หาอาสวะมิได้ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
                          เพราะอนุสัยนั้น ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=5740&Z=5784&pagebreak=0

ผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก

 [๖๘๐] พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
กสิกรย่อมหว่านพืชบ่อยๆฝนย่อมตกบ่อยๆ
ชาวนาย่อมไถนาบ่อยๆแว่นแคว้นย่อมบริบูรณ์ด้วยธัญชาติบ่อยๆ
ยาจกย่อมขอบ่อยๆ ทานบดีก็ให้บ่อยๆ ทานบดีให้บ่อยๆ แล้ว ก็เข้าถึงสวรรค์
บ่อยๆ ผู้ต้องการน้ำนมย่อมรีดนมบ่อยๆ ลูกโคย่อมเข้าหาแม่โคบ่อยๆ บุคคล
ย่อมลำบากและดิ้นรนบ่อยๆ คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิดและ
ตายบ่อยๆ บุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ ส่วน
ผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก  ดังนี้ ฯ


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=5615&Z=5641&pagebreak=0

พระองค์ปฏิญาณว่าเป็นชาวนา

[๖๗๓] ครั้งนั้นแล กสิภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ด้วยคาถาว่าพระองค์ปฏิญาณว่าเป็นชาวนา แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นการไถของพระองค์ พระองค์ผู้เป็นชาวนา ข้าพเจ้าถามแล้วขอจงตรัส บอก ไฉน ข้าพเจ้าจะรู้การทำนาของพระองค์นั้นได้ ฯ
             [๖๗๔] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
                          ศรัทธาเป็นพืช ความเพียรเป็นฝน ปัญญาของเราเป็นแอก
                          และไถ หิริเป็นงอนไถ ใจเป็นเชือก สติของเราเป็นผาล
                          และประตัก เรามีกายคุ้มครองแล้ว มีวาจาคุ้มครองแล้ว เป็นผู้
                          สำรวมแล้วในการบริโภคอาหาร เราทำการดายหญ้า (คือวาจา
                          สับปรับ) ด้วยคำสัตย์ โสรัจจะของเราเป็นเครื่องให้แล้ว
                          เสร็จงาน ความเพียรของเราเป็นเครื่องนำธุระไปให้สมหวัง
                          นำไปถึงความเกษมจากโยคะ ไปไม่ถอยหลัง ยังที่ซึ่งบุคคล
                          ไปแล้วไม่เศร้าโศก ฯ
เราทำนาอย่างนี้ นาที่เราทำนั้นย่อมมีผลเป็นอมตะ บุคคล
                          ทำนาอย่างนี้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=5561&Z=5614&pagebreak=0

มานะแลเป็นดุจภาระ

มานะแลเป็นดุจภาระคือ หาบของท่าน ความ
                          โกรธดุจควัน มุสาวาทเป็นดุจเถ้า ลิ้นเป็นประดุจภาชนะ
                          เครื่องบูชา หทัยเป็นที่ตั้งกองกูณฑ์ ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็น
                          ความรุ่งเรืองของบุรุษ

ความหมดจดอย่างยิ่ง ชาติกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คนจัณฑาล

เพราะชาติกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คนจัณฑาล และ
                          คนเทหยากเยื่อ มีความเพียรอันปรารภแล้ว มีตนส่งไปแล้ว
                          มีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ย่อมถึงความหมดจดอย่างยิ่ง

พราหมณ์นั้นถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ

พราหมณ์บางคน ในโลกแม้เป็นผู้มีศีล กระทำตบะอยู่ ย่อม
                          หมดจดไม่ได้ พราหมณ์นั้นถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ
                          ย่อมหมดจดได้ หมู่สัตว์อื่นนอกนี้ย่อมหมดจดไม่ได้ ฯ

ไม่เป็นพราหมณ์

พราหมณ์ผู้กล่าวถ้อยคำแม้มาก เป็นผู้เน่าและเศร้าหมองใน
                          ภายใน อาศัยการโกหก (ลวงโลก) ย่อมไม่เป็นพราหมณ์

ประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย

ผู้มีสติสงบอยู่ได้ ผู้นั้นชื่อว่า
                          ย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือแก่ตนและแก่ผู้อื่น
                          เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของ
                          ผู้อื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า
                          เป็นคนเขลา ดังนี้ ฯ

ความอดกลั้นได้เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่

ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าชนะทีเดียว แต่
                          ความอดกลั้นได้เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=5247&Z=5284&pagebreak=0

ผู้ติดตาม