วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การเกิดแห่งวงศ์สากยะ

อัมพัฏฐะ! เรื่องดึกดำบรรพ์ พระเจ้าอุกกากราช ปรารถนา จะยกราชสมบัติ ประทานแก่โอรสที่โปรดปรานต้องพระทัย จึงได้ขับราชกุมาร ผู้มีพระชนแก่กว่า คือเจ้า อุกกากมุข  กรกัณฑุ  หัตถินีกะ สินีปุระ ออกจากราชอาณาจักรไปตั่งสำนักอยู่  ณ.ป่าสากใหญ่ ใกล้สระโบกขรณีข้างภูเขาหิมพานต์ เธอเหล่านั้นกลัวชาติระคนกัน จึงสมสู่กับพี่น้องหญิงของเธอเอง ต่อมาพระเจ้าอุกกากราช ตรัสกับอำมาตย์ว่า บัดนี้กุมารเหล่านั้นอยู่ที่ไหน กราบทูลว่า กุมารเหล่านั้นเสด็จอยู่นะป่าสากใหญ่  ขณะนั้น พระเจ้าอุกกากราชทรงเปล่งวาจาว่า กุมารผู้อาจหาญหนอ กุมารผู้อาจหาญอย่างยิ่งหนอ    เพราะเหตุนั้นเป็นเดิม จึงเป็นพวกสากยะ  สืบมา



---พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ แปลโดยพุทธทาสภิกขุ---





ทรงพยายามในญาณทัศนะเป็นขั้นๆก่อนตรัสรู้

    ภิกษุทั้งหลาย! ครั้งก่อน แต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์  เราย่อมจำแสงสว่างได้ แต่ไม่เห็นรูปทั้งหลาย
   ภิกษุทั้งหลาย!  ความรู้ึสึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้าเราจะจำแสงสว่างได้ด้วย ข้อนั้นจักเป็นญาณ ทัศนะที่บริสุทธิยิ่งของเรา ภิกษุทั้งหลาย!  โดยสมัยอื่นอีกเราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่ ก็จำแสงสว่างได้ด้วย เห็น รูปทั้งหลายได้ด้วย แต่ไม่ได้ตั่งใจอยู่ร่วม ไม่ได้เจรจาร่วม  ไม่ได้โต้ตอบร่วมกับเทวดาทั้งหลายเหล่านั้นๆ
   ภิกษุทั้งหลาย! ความรู้สึกนั้นได้เกิดขึ้นแก่เราว่าถ้าเราจะจำแสงสว่างนั้นเป็นต้น ก็ได้ด้วย ข้อนั้นจะเป็นญาณทัศนะที่บริสุทธิยิ่งของเรา ภิกษุทั้งหลาย !  โดยสมัยอื่นอีกเราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร  มีตนส่งไปอยู่ ก็โต้ตอบกับเทวดาเหล่านั้นๆได้ด้วย แต่ไม่รู้ได้ว่า เทวดาเหล่านี้ๆ มาจากเทพนิกายไหนๆ
   ภิกษุทั้งหลาย! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้าเราจะจำแสงสว่างได้เป็นต้น ก็ได้ด้วย ตลอดถึงการรู้ได้ว่า เทวดาเหล่านี้มาจากเทพนิกายนั้นๆด้วยแล้ว ข้อนั้นจักเป็นญาณทัศนะที่บริสุทธิยิ่งของเรา ภิกษุทั้งหลายโดยสมัยอื่นอีก เราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่ ก็รู้ว่าเทวดาเหล่านี้มาจากเทพนิกายนั้นๆ แต่ไม่รู้ได้ว่าเทวดาเหล่านี้ๆเคลื่อนจากโลกนี้ไปอุบัติในโลกนั้นๆ ด้วยวิบากกรรมอย่างไหน
   ภิกษุทั้งหลาย!  ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ถ้าเราจะจำแสงสว่างเป็นต้นก็ได้ด้วย ตลอดจนรู้ได้ด้วยว่า
เทวดาเหล่านี้ๆ เคลื่อนจากโลกนี้ไปอุบัติในโลกนั้นได้ ด้ววิบากกรรมอย่างนี้ๆ แล้วข้อนั้น จักเป็นญาณทัศนะที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นของเรา ภิกษุ ทั้งหลาย! โดยสมัยอื่นอีก เราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่แล้วแล อยู่ ก็รู้ได้ว่า เทวดาเหล่านี้ๆ เคลื่อนจากโลกนี้ไปอุบัติในโลกนั้นได้ด้วยวิบากของกรรมอย่างนี้ แต่ไม่รู้ได้ว่าเทวดาเหล่านี้ๆ มีอาหารอย่างนี้ๆเป็นปกติเสวยสุขและทุกข์อย่างนี้อย่างๆ เทวดาเหล่านี้มีอายุยืนเท่านี้ๆ ตั้งอยู่ได้นานเท่านี้ๆ เราเองเคยอยู่ร่วมกับเทวดา ทั้งหลายเหล่านี้ หรือไม่เคยอยู่ร่วมหนอ ภิกษุทั้งหลาย !  โดยสมัยอื่นอีก เราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปแล้ว แล อยู่ ก็รู้ได้ตลอดถึงข้อว่า  เราเคยอยู่ร่วมกับเทวดา ทั้งหลายเหล่านี้ ๆหรือไม่แล้ว


------พุทธประวัติจากพระโอษฐ์แปลโดยพุทธทาสภิกขุ---------




ผู้ติดตาม