[๖๗๓] ครั้งนั้นแล กสิภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ด้วยคาถาว่าพระองค์ปฏิญาณว่าเป็นชาวนา แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นการไถของพระองค์ พระองค์ผู้เป็นชาวนา ข้าพเจ้าถามแล้วขอจงตรัส บอก ไฉน ข้าพเจ้าจะรู้การทำนาของพระองค์นั้นได้ ฯ
[๖๗๔] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ศรัทธาเป็นพืช ความเพียรเป็นฝน ปัญญาของเราเป็นแอก
และไถ หิริเป็นงอนไถ ใจเป็นเชือก สติของเราเป็นผาล
และประตัก เรามีกายคุ้มครองแล้ว มีวาจาคุ้มครองแล้ว เป็นผู้
สำรวมแล้วในการบริโภคอาหาร เราทำการดายหญ้า (คือวาจา
สับปรับ) ด้วยคำสัตย์ โสรัจจะของเราเป็นเครื่องให้แล้ว
เสร็จงาน ความเพียรของเราเป็นเครื่องนำธุระไปให้สมหวัง
นำไปถึงความเกษมจากโยคะ ไปไม่ถอยหลัง ยังที่ซึ่งบุคคล
ไปแล้วไม่เศร้าโศก ฯ
เราทำนาอย่างนี้ นาที่เราทำนั้นย่อมมีผลเป็นอมตะ บุคคล
ทำนาอย่างนี้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=5561&Z=5614&pagebreak=0
ด้วยคาถาว่าพระองค์ปฏิญาณว่าเป็นชาวนา แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นการไถของพระองค์ พระองค์ผู้เป็นชาวนา ข้าพเจ้าถามแล้วขอจงตรัส บอก ไฉน ข้าพเจ้าจะรู้การทำนาของพระองค์นั้นได้ ฯ
[๖๗๔] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ศรัทธาเป็นพืช ความเพียรเป็นฝน ปัญญาของเราเป็นแอก
และไถ หิริเป็นงอนไถ ใจเป็นเชือก สติของเราเป็นผาล
และประตัก เรามีกายคุ้มครองแล้ว มีวาจาคุ้มครองแล้ว เป็นผู้
สำรวมแล้วในการบริโภคอาหาร เราทำการดายหญ้า (คือวาจา
สับปรับ) ด้วยคำสัตย์ โสรัจจะของเราเป็นเครื่องให้แล้ว
เสร็จงาน ความเพียรของเราเป็นเครื่องนำธุระไปให้สมหวัง
นำไปถึงความเกษมจากโยคะ ไปไม่ถอยหลัง ยังที่ซึ่งบุคคล
ไปแล้วไม่เศร้าโศก ฯ
เราทำนาอย่างนี้ นาที่เราทำนั้นย่อมมีผลเป็นอมตะ บุคคล
ทำนาอย่างนี้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=5561&Z=5614&pagebreak=0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น