วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตราบนั้นพวกเธอจะไม่มีความเสื่อมเลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตราบใดที่เธอยังหมั่นประชุมเนืองนิตย์ พร้อมเำพรียงกันประชุม เคารพในสิกขาบทบัญญัติยำเกรง ภิกษุผู้เป็นสังฆเถระ สังฆบิดร ไม่ยอมตนให้ตกอยู่ใต้อำนาจแห่งตัญหาำ  พอใจในการอยู่อาศัยเสนาสนะป่า  ปรารถนาให้เำพื่อนำพรหมจารีย์ มาสู่สำนักและอยู่เป็นสุขตราบนั้นพวกเธอจะไม่มีความเสื่อมเลย มีแต่เจริญแต่ส่วนเดียว

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตราบใดที่ำพวกเธอไม่หมกมุ่นกับการงานมากเกินไป ไม่พอใจด้วยการพูดคุยฟุ้งซ้าน ไม่ชอบใจในการนอนมากเกินควร ไม่ยินดีในการคลุกคลีกด้วยหมู่คณะ ไม่เป็นผู้ปรารถนาลามก ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาชั่ว  ไม่คบมิตรเลว  ไม่หยุดความเำพียร  พยายามเำพื่อบรรลุคุณธรรมขั่นสูงขึ้นไปแล้ว  ตราบนั้นพวกเธอจะไม่มีความเสื่อมเลย มีแต่ความเจริญแต่ส่วนเดียว





พุทธโอวาทก่อนปรินิำพพาน/อ.วศิน อินทสละ






.

ที่ภิกษุจะไม่ดูแลสตรีเพศเสียเลยนั้นเป็นการดี



ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า! ในพรหมจรรย์นี้มีสุภาพสตรีเป็นอันมากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยฐานะต่างๆ เป็นมารดาบ้างเป็นพี่หญิงน้องหญิงบ้าง เป็นเครืองญาติบ้าง และเป็นผู้เลื่อมใสในพระรัตนะตรัยบ้าง ภิกษุจะปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร ? 
    "อานนท์การที่ภิกษุจะไม่ดูแลสตรีเพศเสียเลยนั้นเป็นการดี" 
    " ถ้าจำเป็นต้องเห็นเล่าพระเจ้าข้า " พระอานนท์ทูลซัก
    "ถ้าจำเป็นต้องเห็นก็อย่าพูดด้วย อย่าสนทนาด้วยเป็นการดี" พระศาสดาตอบ
    "ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยเล่าพระพุทธเจ้าข้า จะปฏิบัติอย่างไร "
   "ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยก็จงมีสติไว้ ควบคุมสติให้ดี สำรวมอินทรีย์ วาจาให้เรียบร้อย อย่าให้กำหนัดยินดี
หรือความหลงไหลครอบงำจิตใจได้
อานนท์!เรากล่าวว่าสตรีที่บุรุษเอาใจเข้าไปเกี่ยวเกาะนั้น เป็นมลทินของพรหมจรรย์
"แล้วสตรีที่บุรุษมิได้เอาใจเข้าไปเกี่ยวเกาะเล่าพระพุทธเจ้าข้าจะเป็นมลทินของพรหมจรรย์หรือไม่? "

"ไม่เป็นซิอานนท์! เธอระลึกได้อยู่หรือ เราเคยพูดไว้ว่า อารมณ์อันวิจิต ความสวยงามในโลกนี้มิใช่กาม แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้นเพราะดำริต่างหากเล่าเป็นกามของคน เมื่อกระชากความพอใจออกเสียเเล้ว สิ่งวิจิตรสวยงามก็อยู่อย่างเก้อๆ ทำพิษอะไรไม่ได้อีกต่อไป"



ผู้ติดตาม