วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ธรรมบท ๔ ข้อ คือ อนภิชฌา อพยาบาท สัมมาสติ สัมมาสมาธิ

ปริพาชกทั้งหลาย  ธรรมบท  ๔  ข้อนี้  ปรากฏว่าเป็นข้อธรรมอันเลิศ
ฯลฯ   สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่เป็นผู้รู้ไม่คัดค้านแล้ว    ธรรมบท  ๔  ข้อคือ
อะไรบ้าง  คือ  อนภิชฌา  อพยาบาท   สัมมาสติ   สัมมาสมาธิ   นี้แล
ธรรมบท ๔ ข้อที่ปรากฏว่าเป็นข้อธรรมอันเลิศ ฯลฯ  สมณพราหมณ์ทั้งหลาย
ที่เป็นผู้รู้ไม่คัดค้านแล้ว.

ปริพาชกทั้งหลาย     ผู้ใดมาสำคัญเห็นธรรมบท  ๔  ข้อนี้ว่าเป็นข้อ
ควรติควรคัดค้าน   ผู้นั้นย่อมได้รับคำติฉินอันสมแก่เหตุ   ตกอยู่ในฐานะอันน่า
ติเตียน ๔  ประการในปัจจุบันนี้   ๔  ประการคืออะไรบ้าง  คือ

ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคืออนภิชฌาไซร้  สมณะหรือพราหมณ์  
เหล่าใด  เป็นผู้มีอภิชฌามีความกำหนัดกล้าในกามทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นก็ต้องเป็นที่บูชา...  เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
          ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคืออพยาบาทไซร้  สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใด  เป็นผู้มีจิตพยาบาทมีใจดุร้าย สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นก็ต้องเป็น
ที่บูชา . . .  เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
          ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคือสัมมาสติไซร้  สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใดเป็นผู้หลงลืมสติไม่มีสัมปชัญญะ     สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นก็ต้อง
เป็นที่บูชา. . .  เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
           ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคือสัมมาสมาธิไซร้        สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่าใดเป็นผู้ไม่มีสมาธิ     มีจิตหมุนไปผิด     สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นก็ต้องเป็นที่บูชา. . .  เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
           ผู้ใดมาสำคัญเห็นธรรมบท  ๔  ข้อนี้ว่าเป็นข้อควรติควรคัดค้าน ผู้นั้น
ย่อมได้รับคำติฉินอันสมแก่เหตุ  ตกอยู่ในฐานะที่น่าติเตียน ๔ ประการนี้   ใน
ปัจจุบันนี่แล
           ปริพาชกทั้งหลาย    แม้แต่ปริพาชกชื่อวัสสะและภัญญะ      ชาวชนบท
อุกกละ  ผู้เป็นอเหตุกวาทะ อกิริยวาทะ นัตถิกวาทะ  ยังไม่สำคัญเห็นธรรมบท
๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อควรติควรคัดค้าน  นั่นเพราะเหตุอะไร   เพราะกลัวถูกนินทา
ว่าร้ายและเกลียดชัง
                                   ผู้ไม่พยาบาท    มีสติทุกเมื่อ   มีใจ
                           ตั้งมั่นในกายใน  ศึกษาในอันกำจัดอภิชฌา
                    เรียกว่าผู้ไม่ประมาท. 
                                               จบปริพาชกสูตรที่  ๑๐
                                                  จบอุรุเวลวรรคที่  ๓

ผู้เรียกว่าผู้ไม่ประมาท.

ผู้ไม่พยาบาท    มีสติทุกเมื่อ   มีใจ

ตั้งมั่นในกาย ในศึกษา ในอันกำจัดอภิชฌา
                     เรียกว่าผู้ไม่ประมาท. 


ว่าด้วยตรัสธรรม  ๔  แก่ปริพาชก


                                          จบปริพาชกสูตรที่  ๑๐

                                                  จบอุรุเวลวรรคที่  ๓

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

อัคคิวัจฉโคตตสูตร เรื่อง ปริพาชกวัจฉโคตร



ครั้งหนึ่ง ปริพาชกวัจฉโคตร ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ พระวิหารเชตวัน และได้ทูลถามปัญหาไปทีละข้อว่า อย่างนี้เท่านั้นจริง อย่างอื่นไม่จริงหรือ คือ
โลกเที่ยง
โลกไม่เที่ยง
โลกมีที่สุด
โลกไม่มีที่สุด
ชีพ เป็นอันเดียวกันกับ สรีระ
ชีพ เป็นคนละอย่างกับ สรีระ
สัตว์ตายแล้ว มีอยู่
สัตว์ตายแล้ว ไม่มีอยู่
สัตว์ตายแล้ว มีอยู่ก็มี ไม่มีอยู่ก็มี
สัตว์ตายแล้ว มีอยู่ก็ไม่ใช่ ไม่มีอยู่ก็ไม่ใช่

พระพุทธเจ้าตรัสตอบแต่ละข้อว่า เราไม่ได้เห็นอย่างนั้นที่มา: อัคคิวัจฉโคตตสูตร ๔] พ. ฉันนั้นแหละ วัจฉะ การกำหนดกันว่าเป็นสัตว์นั้น ย่อมกำหนดขึ้นด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือวิญญาณ ในขันธ์ ๕ ว่าเป็นสัตว์ แต่ตถาคตละขันธ์นั้น ๆ ได้แล้ว พ้นจากการนับว่าเป็นขันธ์ใด ๆ เป็นสภาวะที่ลึกซึ้ง หยั่งรู้ได้ยาก ไม่ควรจะกล่าวว่าเกิด หรือว่าไม่เกิด หรือว่าเกิดก็มี ไม่เกิดก็มี หรือว่า เกิดก็หามิได้ ไม่เกิดก็หามิได้ที่มา:อัคคิวัจฉโคตตสูตร ๑
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก
mes

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=976.0

ผู้ติดตาม