ปริพาชกทั้งหลาย ธรรมบท ๔ ข้อนี้ ปรากฏว่าเป็นข้อธรรมอันเลิศ
ฯลฯ สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่เป็นผู้รู้ไม่คัดค้านแล้ว ธรรมบท ๔ ข้อคือ
อะไรบ้าง คือ อนภิชฌา อพยาบาท สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี้แล
ธรรมบท ๔ ข้อที่ปรากฏว่าเป็นข้อธรรมอันเลิศ ฯลฯ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย
ที่เป็นผู้รู้ไม่คัดค้านแล้ว.
ปริพาชกทั้งหลาย ผู้ใดมาสำคัญเห็นธรรมบท ๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อ
ควรติควรคัดค้าน ผู้นั้นย่อมได้รับคำติฉินอันสมแก่เหตุ ตกอยู่ในฐานะอันน่า
ติเตียน ๔ ประการในปัจจุบันนี้ ๔ ประการคืออะไรบ้าง คือ
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคืออนภิชฌาไซร้ สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใด เป็นผู้มีอภิชฌามีความกำหนัดกล้าในกามทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นก็ต้องเป็นที่บูชา... เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคืออพยาบาทไซร้ สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใด เป็นผู้มีจิตพยาบาทมีใจดุร้าย สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นก็ต้องเป็น
ที่บูชา . . . เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคือสัมมาสติไซร้ สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใดเป็นผู้หลงลืมสติไม่มีสัมปชัญญะ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นก็ต้อง
เป็นที่บูชา. . . เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคือสัมมาสมาธิไซร้ สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่าใดเป็นผู้ไม่มีสมาธิ มีจิตหมุนไปผิด สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นก็ต้องเป็นที่บูชา. . . เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ผู้ใดมาสำคัญเห็นธรรมบท ๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อควรติควรคัดค้าน ผู้นั้น
ย่อมได้รับคำติฉินอันสมแก่เหตุ ตกอยู่ในฐานะที่น่าติเตียน ๔ ประการนี้ ใน
ปัจจุบันนี่แล
ปริพาชกทั้งหลาย แม้แต่ปริพาชกชื่อวัสสะและภัญญะ ชาวชนบท
อุกกละ ผู้เป็นอเหตุกวาทะ อกิริยวาทะ นัตถิกวาทะ ยังไม่สำคัญเห็นธรรมบท
๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อควรติควรคัดค้าน นั่นเพราะเหตุอะไร เพราะกลัวถูกนินทา
ว่าร้ายและเกลียดชัง
ผู้ไม่พยาบาท มีสติทุกเมื่อ มีใจ
ตั้งมั่นในกายใน ศึกษาในอันกำจัดอภิชฌา
เรียกว่าผู้ไม่ประมาท.
จบปริพาชกสูตรที่ ๑๐
จบอุรุเวลวรรคที่ ๓
ฯลฯ สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่เป็นผู้รู้ไม่คัดค้านแล้ว ธรรมบท ๔ ข้อคือ
อะไรบ้าง คือ อนภิชฌา อพยาบาท สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี้แล
ธรรมบท ๔ ข้อที่ปรากฏว่าเป็นข้อธรรมอันเลิศ ฯลฯ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย
ที่เป็นผู้รู้ไม่คัดค้านแล้ว.
ปริพาชกทั้งหลาย ผู้ใดมาสำคัญเห็นธรรมบท ๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อ
ควรติควรคัดค้าน ผู้นั้นย่อมได้รับคำติฉินอันสมแก่เหตุ ตกอยู่ในฐานะอันน่า
ติเตียน ๔ ประการในปัจจุบันนี้ ๔ ประการคืออะไรบ้าง คือ
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคืออนภิชฌาไซร้ สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใด เป็นผู้มีอภิชฌามีความกำหนัดกล้าในกามทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นก็ต้องเป็นที่บูชา... เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคืออพยาบาทไซร้ สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใด เป็นผู้มีจิตพยาบาทมีใจดุร้าย สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นก็ต้องเป็น
ที่บูชา . . . เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคือสัมมาสติไซร้ สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใดเป็นผู้หลงลืมสติไม่มีสัมปชัญญะ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นก็ต้อง
เป็นที่บูชา. . . เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ถ้าผู้นั้นติเตียนคัดค้านธรรมบทคือสัมมาสมาธิไซร้ สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่าใดเป็นผู้ไม่มีสมาธิ มีจิตหมุนไปผิด สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นก็ต้องเป็นที่บูชา. . . เป็นที่ยกย่องของผู้นั้น
ผู้ใดมาสำคัญเห็นธรรมบท ๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อควรติควรคัดค้าน ผู้นั้น
ย่อมได้รับคำติฉินอันสมแก่เหตุ ตกอยู่ในฐานะที่น่าติเตียน ๔ ประการนี้ ใน
ปัจจุบันนี่แล
ปริพาชกทั้งหลาย แม้แต่ปริพาชกชื่อวัสสะและภัญญะ ชาวชนบท
อุกกละ ผู้เป็นอเหตุกวาทะ อกิริยวาทะ นัตถิกวาทะ ยังไม่สำคัญเห็นธรรมบท
๔ ข้อนี้ว่าเป็นข้อควรติควรคัดค้าน นั่นเพราะเหตุอะไร เพราะกลัวถูกนินทา
ว่าร้ายและเกลียดชัง
ผู้ไม่พยาบาท มีสติทุกเมื่อ มีใจ
ตั้งมั่นในกายใน ศึกษาในอันกำจัดอภิชฌา
เรียกว่าผู้ไม่ประมาท.
จบปริพาชกสูตรที่ ๑๐
จบอุรุเวลวรรคที่ ๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น