มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายเรียก
นรชาติฝูงคนอันเป็นสมังคี มีความพร้อมเพรียงด้วยธรรม ๔ ประการว่าเป็นสมณะ
และ
คุณธรรม ๔ ประการนี้ คือ
ขนฺตี ความอดทนประการ ๑
อปฺปาหารตา บริโภคอาหารแต่น้อยประการ๑
รติวิปฺปหานํ คือประหารเสียซึ่งกำหนัดประการ ๑
อกิญฺจนํ หากังวลมิได้ประการ ๑
สิริเป็นคุณธรรม ๔ และธรรมทั้ง ๔ นี้ มีอยู่ในสันดานบุคคลเป็น
ปุถุชนประกอบด้วยกิเลส นี่แหละคำพระองค์ตรัสไว้ว่า บุคคลที่เป็นอาสวักขันแล้วเรียกว่า
เป็นสมณะมั่นคงแล้ว
อัคคาอัคคสมณปัญหา ที่ ๑๐
มิลินทปัญหา
อาสวักขยญาณ
ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มี กิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ(พิจารณา)
ขอบคุณข้อมูล
http://nkgen.com/427.htm
จิตใจของผู้บรรลุถึงอาสวขยญาณ เป็นจิตใจที่ผ่องแพ้ว ชื่นบาน เยือกเย็น และมั่นคง ไม่หวาดสะดุ้ง ไม่ตื่นเต้น ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ใดๆ แม้จะร้ายแรงสักปานใดก็ตาม
นรชาติฝูงคนอันเป็นสมังคี มีความพร้อมเพรียงด้วยธรรม ๔ ประการว่าเป็นสมณะ
และ
คุณธรรม ๔ ประการนี้ คือ
ขนฺตี ความอดทนประการ ๑
อปฺปาหารตา บริโภคอาหารแต่น้อยประการ๑
รติวิปฺปหานํ คือประหารเสียซึ่งกำหนัดประการ ๑
อกิญฺจนํ หากังวลมิได้ประการ ๑
สิริเป็นคุณธรรม ๔ และธรรมทั้ง ๔ นี้ มีอยู่ในสันดานบุคคลเป็น
ปุถุชนประกอบด้วยกิเลส นี่แหละคำพระองค์ตรัสไว้ว่า บุคคลที่เป็นอาสวักขันแล้วเรียกว่า
เป็นสมณะมั่นคงแล้ว
ภนฺเต นาคเสน ภาสิตํ เจตํ ภควตา อาสวานํ ขยาย สมโณ โหตีติ
อาสวักขยญาณ
ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มี กิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ(พิจารณา)
ขอบคุณข้อมูล
http://nkgen.com/427.htm
จิตใจของผู้บรรลุถึงอาสวขยญาณ เป็นจิตใจที่ผ่องแพ้ว ชื่นบาน เยือกเย็น และมั่นคง ไม่หวาดสะดุ้ง ไม่ตื่นเต้น ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ใดๆ แม้จะร้ายแรงสักปานใดก็ตาม
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น